ใครจะเชื่อว่าเราติดยา (หอม)

ปี พ.ศ.2555 บอกใครจะเชื่อว่า "ยาหอม" ก็ยังเป็นสิ่งที่ติดกระเป๋าของเราตลอดเวลา .. แทนที่จะเป็นลูกอมอิมพอร์ตหรือหมากฝรั่งล๊อตเต้ที่มีแพ็คเกจเท่ๆ ดูทันสมัย ..เวลาหยิบขึ้นมากินก็ดูเท่ เก๋ไก๋ เสริมบุคลิกให้ดูเป็นคนรุ่นใหม่ ต่างจากเราตอนที่จะหยิบยาหอมขึ้นมากินกลางวงในหมู่เพื่อนฝูงที่กำลังคุยกันอย่างออกรส เพื่อนจะตกใจว่า เฮ้ย~ ไม่สบายหรือ ? เป็นไรมากป่าว ?  ขนาดติดยาหอมไว้ในกระเป๋าเลยเหรอ?  มันยากที่จะพูดอธิบายน่ะ ..ลองใครมาเปิดกระเป๋าของเราสิ ถ้าเห็นว่ามีขวดยาหอมพร้อมร่องรอยการบริโภคอย่างสม่ำเสมอแล้ว เค้าคงคิดว่า คุณยายเจ้าของกระเป๋าใบนี้คงวัยรุ่นน่าดู เลือกกระเป๋าใช้ได้อินเทรนด์ไม่สมวัยเล้ยยย... จะบอกให้ว่าเมื่อก่อนเราก็ชอบกินยาอมโบตันด้วยแหละ แต่เนื่องจากว่ายาอมโบตันราคาแพงกว่า มีส่วนผสมที่ให้ความหวานอยู่นิดๆ ทำให้เราวิตกจริตไปเองว่ากินเยอะอาจทำให้อ้วนได้ และอีกอย่างกินแป๊บเดียวก็หมด ก็เลยลองเปลี่ยนมาบริโภคยาหอมดู ก็พบว่ารสชาดเย็นๆ หอมๆ กินแล้วชุ่มชื่นใจเหมือนกัน ถูกใจใช่เลยก็เลยพกติดตัวตลอดมา..
เคยมีเพื่อนหลายคนทักว่า กินยาหอมแบบนี้ติดหรือป่าวเนี่ยะ ? ทำเราตกใจเลย! หรือว่าเราจะติดยาเสพติดซะแล้ว มีสารเสพติดผสมอยู่ในขวดยาหอมหรือป่าวเนี่ยะ เราถึงได้ชอบกินนัก  ดังนั้นเราก็เลยทำการค้นคว้าข้อมูลด่วนว่า ยาหอมได้แต่ใดมา ทำมาจากอะไร กรรมวิธีสะอาดไหม และมีสารเสพติดหรือป่าว?

ถาม Google ก็ได้ความว่า ยาขนานเอกที่คนไทยมักจะนึกถึงเป็นลำดับแรกนั่นก็คือ "ยาหอม" ยาหอมถือว่าเป็นตำรับยาโบราณที่อยู่คู่กับเลือดลมคนไทยมานานแล้ว วันนี้เราลองมาเปิดขวดยาหอมว่าปรุงมาจากอะไรบ้างกันนะ ข้อมูลจากโรงเรียนแผนโบราณ วัดพระเชตุพนเค้าบอกว่า

โดยปกติภายในร่างกายเราจะประกอบไปด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าธาตุใดธาตุหนึ่งทำงานผิดปกติก็จะส่งผลให้เกิดอาการป่วยต่างๆ ยาหอมมุ่งบำรุงธาตุลม คือหัวใจและลมในร่างกายให้ไหลเวียนเป็นปกติ

1.กฤษณาไม้หอม : เอาไม้มาจากต้นกฤษณา โดยจะต้องทำแผลให้เกิดกับลำต้นก่อน แล้วต้นกฤษณาจะส่งน้ำมันหอมมาตามท่อเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เป็นแผลนั้น แล้วเราก็จะฟันไม้ตรงที่ติดส่วนน้ำมัน ก็เอาส่วนนั้นมาเป็นส่วนผสมตัวนึงของยาหอม

2. เกสรทั้งห้า : ได้จากดอกไม้ไทยชนิดไหนกันบ้าง
เกสรบัวหลวง บำรุงหัวใจ ดอกสารภี ชูกำลังมีแรง ดอกพิกุล บำรุงเลือด ดอกมะลิ ดับพิษร้อน ดอกบุนนาค บำรุงดวงจิตให้แช่มชื่น (โว๊ว.. ขนาดนั้นเลย)

3. ชะมดเช็ด เป็นสัตว์วัตถุได้มาจากสัตว์ชนิดนึง หาคนเลี้ยงสัตว์ชนิดนี้เพื่อเก็บไขจากก้นของมันยากเต็มที กว่าจะได้ไขปริมาณเพียงพอมาทำยาหอม คนเลี้ยงต้องลงทุนมากโขทีเดียว

ส่วนผสมทุกอย่างถูกลำเลียงมาจากแหล่งกำเนิดเข้าสู่โรงงานผลิตยาหอม มีขั้นตอนการผสมยา ทั้งอบ ทั้งรม ใช้เวลาและความรู้ความชำนาญตามตำรับโบราณที่สืบทอดกันมา .. ก่อนลงมือปรุงยาต้องมีการไหว้ครูอีกต่างหาก ... กว่าจะได้มาเป็นยาหอมให้เราได้เสพสักขวดนึงผ่านกระบวนการมากมาย

รู้ถึงตรงนี้แล้ว ทำให้เราเห็นคุณค่าของยาหอมมากขึ้น ว่ามันไม่ได้มีสารเสพติด มีแต่สมุนไพรธรรมชาติที่ถูกผสมผสานกันอย่างกลมกล่อม หอมหวาน ลงตัว เป็นสรรพคุณที่แสนวิเศษให้กับเรา ขอบคุณบรรพบุรุษไทยที่คิดค้นตำรับยาวิเศษนี้ให้ตกทอดมาถึงเราค่ะ ... ต่อไปนี้เราจะเปิดขวดยาหอมกลางวงสนทนาแล้วกินโชว์เพื่อนเลยล่ะ.. อิอิ...


Comments

Popular posts from this blog

ภาษาจีน..ภาษากาย..ภาษาใจ

If you ask me Why I as Thai people love the King Rama 9 so much?